ในอดีตโบราณนั้น ฮ่องเต้ในประเทศจีนในแต่ละยุคสมัยนั้นจะมีการสร้างสุสานของตัวเองขึ้นเพื่อให้ตัวเองนั้นมี บารมี เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นนิรันดร์ หลังจากความตายหรือได้ลุล่วงไปแล้ว แต่ในปัจจุบันนี้การสร้างสุสาน จะใช้เพื่อเป็นที่เก็บฝังร่างของบรรพชนให้มีที่อยู่อย่างสงบสุขตลอดไป ซึ่งถือได้ว่าที่ตรงนี้จะเป็นตัวเชื่อมพลังในสายเลือดDNA เดียวกัน เพราะเหตุนี้นั้นทำให้สุสานของบรรพบุรุษจึงสามารถบ่งบอกได้เลยว่า ครอบครัว อนาคต พี่น้อง สุขภาพ ความเจริญมั่นคงของลูกหลานนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งการเลือกสุสานรวมไปถึงการออกแบบวางสุสานที่ดีนั้นจะต้องใช้เวลาพอสมควรบางครอบครัว บางตระกูลจะใช้เวลานานมากเป็นเดือน เป็นปีในการหาทำเลที่ดี ชัยภูมิที่ดีในการสร้างและจำเป็นจะต้องเชิญชินแสที่มีความรู้ ความสามารถ ทางด้านนี้โดยตรงมาเป็นผู้ช่วยหาทำเล และประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งปรมาจารย์เคยพูดไว้ว่า (ถ้าตระกูลดี ลูกหลานดี ก็แสดงว่ามีสุสานที่ดีคอยส่งเสริมลูกหลาน) ซึ่งต้องยอมรับว่าในอดีตนั้น คนให้ความสำคัญมากในเรื่องของการสร้างสุสาน บางครอบครัวถึงขนาดต้องยอมขายของ ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่นั้น เพื่อนำเงินมาทำศพ และหาที่ฝังร่างให้แก่บรรพชน เพื่อให้ได้สุสานที่ดีเพื่อที่จะส่งผลที่ดีไปถึงลูกหลานได้ จะส่งผลให้ลูกหลานนั้นมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็เป็นเหตุมาจากแรงและพลังของการทำสุสานทั้งสิ้น แต่ถ้าสุสานมีการวางในพื้นที่ที่มีชัยภูมิที่ไม่ดี มีสภาพแวดล้อมของภูเขาที่ไม่ดี ไม่เป็นมงคล มีถนนอุโมงค์ตัดผ่าน หรือมีการระเบิดภูเขาโดยรอบอยู่บ่อย ๆ ก็จะทำให้ส่งผลแก่ลูกหลาน ก็อาจจะมีปัญหาเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ตามมาได้ ซึ่งสุสานก็สามารถบ่งบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบกับลูกหลานเพศไหน ชาย หรือหญิงได้...
ลูกหลานคนจีนในอดีตนั้น จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องราวที่มีความสำคัญกับตระกูลและได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้ใหญ่ และบรรพชน ส่งทอดต่อกันมาต่อครอบครัวเป็นรุ่นต่อรุ่น
ซึ่งวิชาสุสานนี้ผมได้เรียนและศึกษามาเป็นระยะเวลายาวนานมากและได้ท่าน อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้ ท่านถือเป็นผู้ที่ริเริ่มทำให้วิชาฮวงจุ้ยเจริญพัฒนาเป็นวงกว้างทั่วประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นผู้ที่สร้างฮวงจุ้ยที่เยอะที่สุดในประเทศไทย และสามารถพูดได้ว่าน่าจะเยอะที่สุดในโลกตลอดสี่สิบปี
โดยอาจารย์ท่านได้บอกไว้ว่า การจัดทำสุสานนั้นก็เพื่อประโยชน์ดังนี้
1. เพื่อตัวเอง เมื่อเวลาเราตายวิญญาณจะมีที่ไปกับร่าง เมื่อร่างมีสุสาน วิญญาณก็จะมีที่ไป มาอยู่ที่หลุมตลอดกาล คนสมัยก่อน ก่อนตายทุกคนแม้แต่ฮ่องเต้ ต้องเตรียมไว้ให้เรียบร้อย เพื่อที่ตายไปวิญญาณของตนเองก็จะได้มีที่อยู่ที่แน่นอนก็จะทำให้วิญญาณมีความสงบสุขตลอดไป
2. เพื่อลูกหลานในอนาคต เพื่อที่จะได้สบายใจว่าลูกหลานจะได้ไม่ลำบากและ จะได้ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อหาที่ ถ้าเลือกที่ดีก็จะช่วยส่งเสริมให้ลูกหลานเจริญรุ่งเรืองมั่นคง
3. ตอนมีชีวิตอยู่ควรทำให้เสร็จ เพื่อที่ลูกๆจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันหรือกลัวว่าต่อไปใครจะทำให้ใครดี หรือใครจะไม่ทำดี
และนี่คือเหตุผลที่ว่าคนจีนรุ่นเจ้าสัวทุกบ้านเขาจะทำไว้ก่อน ไม่ใช่เสียชีวิตแล้วค่อยมาทำ อันนี้ถือว่าผิดอย่างมาก และพอตายแล้วยังไม่มีที่ฝังหรือโลงก็ต้องนำไปวางไว้ที่เก็บรวมโดยที่ ยังหาที่ดินไม่ได้คนโบราณเขาก็จะหัวเราะกัน อีกประเด็นนึงการที่ไม่มีที่พอตอนตายต้องรีบหาที่ที่ดีจะยากมากและถ้าเร่งมากเกินไปเจอคนที่ไม่ได้ตั้งใจหา หรือไม่มีความรู้จริงในเรื่องสุสาน ซึ่งถ้าทำผิดต่อไปก็จะไม่มีคนมาไหว้ ซึ่งผมเจอมาหลายตระกูลมากในประเทศจีน
สุสานที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1. ตำแหน่งชัยภูมิดีมีพลัง ลักษณะของภูเขา (ร่างกายของมังกร)
2. หิน/แนวหิน (กระดูกของมังกร)
3. พื้นดินที่ตั้ง (เนื้อของมังกร)
4. สายน้ำที่ไหล (เลือดของมังกร)
5. ต้นหญ้า ต้นไม้ (ผิวของมังกร)
ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นองค์ประกอบ ตัวแทนที่มีความสำคัญของพลังชี่ ที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงให้มีสภาพชีวิต ซึ่งเราจะใช้คำว่า “มังกร”เป็นตัวแทน (จีนจึงใช้สัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของตนเอง) นอกจากนี้เราจะต้องรู้อีกว่าเคล็ดลับในการมองสุสานที่ดีนั้นต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
1. ต้องดูที่มาของกระแสพลัง ว่ามีภูเขา ที่สูง แนวสันเขาเคลื่อนตัวมายังจุดที่เราเลือกหรือไม่
2. เวลามองย้อนกลับไปนั้น ด้านหน้าสุสานควรจะเปิดโล่ง สบายตา มองไปได้ไกลมีภูเขาไกล ๆ ที่ดูแล้วเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นมงคลหรือไม่
3. ตำแหน่งด้านซ้ายและด้านขวานั้น (แขนมังกร) นั้นมีภูเขาโอบล้อมรอบสมบูรณ์หรือไม่
4. เวลามีฝนตกหนักมาก ๆตำแหน่งด้านหน้าที่นั้นสามารถชะลอการไหลของน้ำได้หรือไม่
5. ต้นไม้และธรรมชาติรอบ ๆ มีสีเขียวสดใส ดูแล้วสดชื่นมีชีวิตชีวา อุดมสมบูรณ์หรือไม่
6. มีหินตำแหน่งด้านหลัง หรือในตำแหน่งซ้ายขวาโดยมีลักษณะที่เป็นมงคลไม่มีแหลมคม
7. มีจุดที่กำหนดเสียงสะท้อนก้องกังวานหรือสะท้อนมากกว่าจุดอื่น ๆ หรือไม่
8. อุณหภูมิบริเวณตำแหน่งที่ตั้งนั้นควรจะอุ่นกว่าปกติ(ชี่)
รูปสุสานที่อยู่ในชัยภูมิที่ดีและถูกต้องสมบูรณ์
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหลักการง่าย ๆเบื้องต้นที่ควรศึกษาและสามารถนำไปใช้ได้จริงในการเลือกที่ตั้งของสุสาน นอกจากนี้ยังได้รวบรวมเอาหลักการสังเกต(ฮวงซุ้ย)สุสานที่มีปัญหามาฝากกันด้วย ซึ่งมีดังนี้
1. ป้ายหน้าสุสานมีสีดำ หมองคล้ำ มองแล้วไม่สดใส หรือ มีรอยแตกแยกหรือไม่
2. แขนของสุสาน (ตำแหน่งซ้ายขวา)นั้น เกิดรอยแตกร้าว อย่างลึกและลากยาว
3. ภูเขาบริเวณด้านหลังไร้ภูเขาสนับสนุน หรือเป็นเนินถมเองขึ้นมา
4. สภาพดินมีปัญหาแตกร่วน ปลูกต้นไม้ไม่ขึ้น ดูแล้วพลังไม่ดีไม่อุดมสมบูรณ์
5. มีรากไม้ใหญ่ชอนไชขึ้นมา มีปลวกเข้าไปทำรังในบริเวณด้านในพื้นที่สุสาน
6. พลังของแนวภูเขา หรือสันเขาวิ่งแรงและเร็วจนเกินไปจะส่งผลกับลูกหลาน
7. ภูเขาด้านหน้า(บริเวณด้านหน้านั้น)มีสภาพแวดล้อมไม่ดี เช่น มีเมรุ ปล่องควันจากโรงงาน สันของหลังคา จั่ว มุมแหลม พุ่งปะทะ เข้ามาใส่บริเวณสุสานหรือไม่
8. รอบ ๆตำแหน่งของสุสานมีภูเขาที่มีรอยแตก หรือโดนทำลาย ระเบิด
ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นจุดสังเกตที่ได้นำมาฝากกัน ให้ทุกท่านได้ศึกษาเป็นความรู้เพื่อสามารถนำไปใช้ได้ในการสังเกตเบื้องต้น ว่าสุสานของบรรพบุรุษของพวกท่านนั้นมีปัญหาหรือไม่ อย่างไร
ทำไมทุกครอบครัว สมาชิกถึงต้องเตรียมสุสานเอาไว้?
ถ้าวันหนึ่งเกิดจากไปอย่างกะทันหัน หรือจากไปก่อนวัยอันควรโดยที่ยังไม่ได้เตรียมที่อยู่เอาไว้ให้ตัวเองหรือบรรพบุรุษนั้น ก็อาจจะต้องได้ไปใช้สถานที่ที่เรียกว่า “โลงไร้หลุม” ซึ่งคำนี้นั้นถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติแก่บรรพชนเป็นอย่างมาก ครอบครัวใดที่เป็นแบบนี้ก็จะถือว่าลูกหลานไม่มีความกตัญญูต่อบรรพชนผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
เวลาจะหาตำแหน่งให้ได้ในที่ที่ดีนั้น จำเป็นจะต้องใช้เวลานานพอสมควร ในการเตรียมหาบางครอบครัว บางตระกูลต้องใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี ข้ามปีกันเลยทีเดียว โดยจะต้องมีผู้ที่รู้และมีความสามารถทางเรื่องนี้โดยตรงมาเป็นผู้ที่แนะนำ เพื่อช่วยหาตำแหน่งที่ดีที่สุดให้กับตระกูล
เป็นการช่วยส่งเสริมลูกหลานอย่างแท้จริง และ ช่วยต่ออายุสำหรับผู้ที่ทำตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
สร้างความสัมพันธ์ของสมาชิกภายในครอบครัว ให้มีจุดยืนที่มั่นคงถาวรและในทุก ๆปีเมื่อมีเทศกาลการไหว้ หรือ พบปะกัน ก็จะเป็นการรวมตัวของสมาชิกภายในครอบครัวอีกด้วย
ทำไมต้องมีสุสาน?
การที่เรามีสุสาน หรือมีการจัดเตรียมสุสานไว้นั้น ก็เปรียบเสมือนกับการสร้างทรัพย์สินและอาณาจักรให้กับตัวเราเองและครอบครัว ลูกหลาน ซึ่งครอบครัว ตระกูลไหนที่มีการจัดสร้างทำสุสานที่ดีนั้น ตระกูลก็จะไม่สิ้น ลูกหลานก็จะเจริญรุ่งเรือง ฐานของตระกูลจะมั่นคงเจริญงอกงามออกไปเรื่อย ๆ อาทิเช่น
• ภาคเหนือ (หยิน) จะมีภูเขาที่ค่อนข้างโดดเด่น สง่างาม มีความอ่อนช้อยมาก ลูกสาวก็จะเยอะ มักจะแต่งออก แต่ในบางกรณีข้าราชการในเมืองใหญ่ๆ นั้น ก็มักจะมีการสร้างบ้านไว้ที่ภาคเหนือเพื่อที่จะรับพลังที่ดีและส่งเสริมต่อครอบครัวเช่นเดียวกัน
• ภาคใต้ (หยาง) จะมีภูเขาเยอะ และมีรูปลักษณ์ของเนินเขาที่ดูแล้วมีความแข็งแรง รูปลักษณ์ของหินค่อนข้างดุดัน มีเนินย่อม ๆ ต่อ ๆกัน ปัจจุบันภาคใต้นั้น ประชาชนมีลูกหลานเยอะ และเป็นข้าราชการเยอะมาก ๆ เช่น ทนาย ผู้พิพากษา ทนาย อัยการ
เมื่อไหร่ที่เราควรจะทำสุสานเพื่อเสริมพลัง เตรียมเอาไว้...
1. ตอนที่พ่อแม่แข็งแรงปกติ สามารถทำเตรียมไว้ต้องใช้เวลาทำแรมปี การดูฤกษ์ที่ดีที่สุดในสี่ปีอาจมีแค่ไม่กี่วัน เมื่อได้ฤกษ์ที่ดีที่สุดก็จะส่งเสริมพลังได้รวดเร็วและสมบูรณ์มาก ๆ
2. เมื่อลูกชายแต่งงาน คนจีนมีคำนึงว่า成家 ลูกชายก็จะมีหลานสมาชิกใหม่ แต่ถ้ามีสุสานที่ดีรับพลัง ต้นตระกูลมีที่ดีส่งเสริมลูกหลานหน้าตาราศีที่ออกมาก็จะสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นหลายบ้านมีทรัพย์สินมหาศาลแต่ไม่มีลูกหลานชายสืบทอดตระกูล สุดท้ายที่ไปไล่ดูไม่มีสุสานต้นตระกูลส่งพลังต่อพลังหมดที่รุ่นนี้เป็นสิ่งน่าเสียดายมาก ๆ จริง ๆการทำสุสานที่ดีนั้น ดีกว่าไปทำเด็กหลอดแก้วมาก ๆเพราะการทำสุสานนั้นเป็นการรับพลังธรรมชาติอีกทางหนึ่งซึ่งมีมาเป็นร้อยเป็นพันปีและถาวร ซึ่งจากสถิติถ้าทำถูกต้องภายในสิบสองเดือนก็จะมีลูกอย่างเร็วหรืออย่างช้าไม่ถึงสามปีอาจจะมีถึงสองคน สมาชิกใหม่ที่เพิ่มขึ้น
3. เมื่อดวงชะตาตก ใครที่ธาตุหรือดวงอ่อนก็จะใช้ทิศทางและฤกษ์ยามมาเกื้อหนุนแก้ไข เสริมตัวที่ขาดใช้พลังฟ้าและพลังดินมาช่วยก็จะสามารถพลิกชะตาได้
4. เมื่อเจ็บป่วยหนัก เนื่องมาจากธาตุและภูมิดวงอ่อนหรือตกบทบาทที่ไม่ดี การทำสุสานก็เหมือนเป็นการแก้เคล็ดและดึงพลังที่ดีเสริมเข้ามาอีกที ซึ่งจะต้องปรึกษาชินแสที่มีความเชียวชาญและมีความเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเจอคนที่ไม่มีความรู้ก็อาจจะโดนหลอกหรือทำโดยขาดความรู้ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก
5. เมื่อมีการแบ่งมรดกสมบัติให้ตระกูล ก็จะต้องเตรียมสุสานในอนาคตให้เรียบร้อย ลูกหลานแต่ละครอบครัวก็จะแตกหน่อ ออกไปทำให้จะมีความเจริญเติบโตอย่างมั่นคง
6. เมื่อไม่รู้จะเริ่มต้นตั้งตัวอย่างไร ควรหาที่ดีตั้งหลักปักฐานที่ฮวงจุ้ยที่ดีก็จะส่งผลให้ลูกหลานประสบกับความเจริญรุ่งเรือง พบคนที่ดีเกื้อหนุนได้ มีโอกาสต่าง ๆ เข้ามาให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
7. ต้องการให้ตระกูลเจริญอย่างมั่นคง เป็นการถ่ายทอดมรดกและอำนาจให้ลูกหลานสืบทอดธุรกิจให้เจริญสืบไปอย่างมั่นคง ซึ่งควรจะมีสุสานที่ดีเพื่อเก็บพลัง ลูกหลานก็จะเก็บทรัพย์สมบัติธุรกิจให้อยู่ได้ตลอดไป
8. เป็นสัญลักษณ์ของวงศ์ตระกูลที่ถาวร แม้จะเสียทุกอย่างสิ้นไปแต่ยังมีที่พึ่งสุดท้ายของลูกหลานที่เหลืออยู่ สมัยสงครามกวาดล้างในจีนคำนี้เป็นจริง “เป็นตัวแทนความรักและความมั่นคงของคู่ชีวิตที่ถาวรและจะฝังด้วยกัน เป็นแบบอย่างให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไป”
9. เป็นการแสดงความกตัญญู อีกทางหนึ่งที่ลูกหลานจะต้องทำให้บรรพชน ซึ่งคนปัจจุบันมองข้ามและไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และลืมไปว่าหลายสิบปีที่เกิดมาพ่อแม่ทำให้เราแค่ไหน กลัวความลำบากต้องไปไหว้ เสียเงินทองทรัพย์สิน เสียเวลา และสุดท้ายตระกูลหมดสิ้นในรุ่นถัดไป หรือไม่มีให้สืบทอดอีกต่อไป
ข้อควรระวัง
• ที่ถมไม่มีสภาพตกแต่งเกิน80%
• ที่เคยมีคนฝังและไม่ดียกเลิกขุดออกไปละว่างเปล่า ถ้าไม่มีทำพิธีกรรมให้เรียบร้อยถือว่าไม่ดี
• ที่ที่มีรูปทรงหินแปลกประหลาดอยู่ใกล้ ไม่ได้สัดส่วนรูปร่าง แหลมคม ลายหยาบ
• ที่มีกลิ่น เสียง ชัยภูมิ ที่แปลกๆ หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีส่งถึง ที่นำ้ซึมใต้ดิน เข้ามาถึง
• ที่ใกล้รังปลวกใหญ่ มีรากไม้ชอนถึง
ต้นตระกูลของผมนั้น คือ แซ่เตี๋ย 赵氏 อากงท่านคือรุ่นที่ยี่สิบสามของต้นตระกูลเตี๋ย ท่านมาได้เจ็ดสิบปี ผมเป็นหลานรุ่นที่ยี่สิบห้าถือเป็นรุ่นที่สองที่เกิดที่เมืองไทยคุณพ่อท่านเกิดที่ไทย อาม่าท่านเล่าว่าตอนท่านแต่งงานไม่นาน อากงได้ข้ามาที่ไทยสร้างฐานะครอบครัว สมัยก่อนการมาด้วยเรือสำเภา เสื่อผืนหมอนใบ อาม่าท่านอยู่ดูแลอาเหล่าม่าแม่ของอากงอีกที ซึ่งสมัยก่อนจีนมักจะสร้างเขื่อน อ่างเก็บนำ้และมักจะเวนคืนที่ดิน สุสานรอบ ๆถ้าแจ้งแล้วไม่ย้าย รัฐบาลก็จะขุดทิ้งออกไปผู้ใหญ่ในหมู่บ้านรีบมาแจ้งกับอาม่า ว่าสุสานเหล่ากงรุ่นยี่สิบสอง ให้รีบไปย้ายออกรัฐบาลจะเอาที่ดินคืน ด้วยความที่อาม่าอายุยังไม่มากก็ได้รีบไปปรึกษาหาความรู้กับญาติผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ท่านเล่าว่ามีสินแสท่านหนึ่ง แซ่ก๊วย อยู่ที่เตี่ยเอี้ย ให้รีบไปเชิญมา อาม่ารีบเดินทางไปพบตามคำแนะนำ ก๊วยสินแสท่านอายุนั้นมีอายุร่วม 80 ปีแล้ว ท่านได้เห็นความตั้งใจของอาม่า ที่เป็นลูกสะใภ้แต่มีความตั้งใจขนาดนี้ ทั้งเดินเท้าข้ามอำเภอมาหาท่าน ท่านก็รับปากว่าตั้งใจจะช่วย
การหาที่ดินในตอนนั้นอาม่า เล่าว่าต้องใช้เกี้ยวมีคนมาช่วยหาพาท่านขึ้นลงเขา จนสามารถกำหนดจุดที่จะทำได้ ( ฮวก 穴 หลุม ) ตำแหน่งที่กำหนดนั้นถือว่าต่ำมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องออกแบบป้ายจุดที่กำหนดให้ตรงกับกลางยอดเขาพอดี ซึ่งบนยอดมีหินก้อนใหญ่อยู่บนสุดพอดี จุดนั้นเรียกว่า主星 ป้ายที่ทำต้องสูงกว่าปกติถึงจะรับพลังจากยอดได้รวดเร็ว ด้วยความที่อาม่าท่านดูแลเป็นห่วงสินแสที่อายุมากเป็นอย่างดี ท่านเห็นว่าอาม่าเป็นคนดี จึงบอกว่าให้เตรียมก้านไม้ขีดที่ยาวมากไว้นะ “ตอนจุดตะเกียงก่อนฝังต้องจุดไม้ขีดให้มากที่สุด” ท่านวางไส้ตะเกียง ไว้รอบสิบสองอัน อาม่าท่านจุดไ้ด้สิบอันพอดี ( 灯 丁) ตะเกียงเสียงสอดคล้องคำว่า “เต็ง”ที่แปลว่าลูกชาย เพราะฉะนั้น สินแสบอกอาม่าว่าต่อจากนี้จะมีทายาทรุ่นถัดไปสิบคนขึ้นไป อาม่าท่านได้ฟังก็ดีใจแต่ไม่คิดว่าเรื่องอนาคตข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร ซัวก่อนนั่งเต็งจุ้ยก่วงไช้(山管人丁水管财) หลังจากนั้นมาอาม่าก็ได้มาไทย และตั้งรกรากอยู่ที่นี่ มีลูกหลานที่งอกเงยออกมาเป็นตระกูลใหญ่อีกสามครอบครัวนับได้ถึงสิบสองคนพอดี มีลูกหลานก็จะก่อเกิดโชคลาภ ซึ่งคำทำนายนี้เป็นจริงอาม่าจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก